paiwan ลุคใหม่ไฉไลสวยจึ้งกว่าเดิม สุดปังต๊าดมากแม่

Paiwan หรือที่ใครหลายๆคนรู้จักในชื่อของ แพรรี่ หรือ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร ชื่อเล่น เอก โดยหลายคนต่างฉายาให้เธอกันว่า มิสเปรียญ 9 นั่นเอง

ซึ่งเขานั้นเกิดในวันที่ 2 เดือนตุลาคม ในปี พ.ศ.2543 ปัจจุบันอายุ 32 ปี เขานั้นเกิดที่จังหวัด จันทบุรี และเป็นหนึ่งในอดีตพระสงฆ์ ที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ในช่วงปี พ.ศ.2564 ในฐานะของ พระหัวก้าวหน้า และการแสดงธรรมเทศนาที่เรียกได้ว่า ตรงและทันกับทุกข่าวสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน รวมถึงการตีแผ่ความเป็นจริงบนสังคมไทยของเราในยุคปัจจุบัน ทำให้คนในโซเชียลมีเดียนั้นต่างให้ความสนใจเธอกันเป็นจำนวนมากตั้งแต่ตอนนั้น โดยในตอนนั้นเธอมีฉายาว่า มหาไพรวัลย์ วรรณฺโณ แต่หลังจากที่มีชื่อเสียงในฐานะของพระมหาไพรวัลย์ แล้วนั่น ตัวของเขาเองก็ได้ตัดสินใจที่จะทำการลาสิกขาออกมา ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาได้บวชมายาวนานถึง 18 ปี เพื่อดูแลแม่ทำหน้าที่ของลูกที่ดีต่อไปในปลายปี พ.ศ.2564 นั่นเอง จนกระทั่งชื่อเสียงที่เธอนั่นมีก็ทำให้เธอได้เข้าสู่วงการบันเทิง ในฐานะ ครีเอเตอร์ นักแสดงรวมไปถึง นักเขียน จนถึงปัจจุบัน

โดยเธอนั่น เป็นลูกเพียงคนเดียวของครอบครัว และได้ไปบวชเณรตั้งแต่วัยเยาว์ ที่วัด พิพัฒน์มงคล ในจังหวัดสุโขทัย เรียนทั้งนักธรรม และบาลี จนได้มีการจบการศึกษานักธรรมและบาลี ถึงเปรียญ 7 ประโยค พออายุพรรษาครบพอที่จะบวชพระได้แล้วนั่น ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9 ของเรานั่นเอง ทรงรับอุปสมบทเป็นนาคหลวงให้แก่ พระมหาไพรวัลย์ในเวลานั้นให้อีกด้วย จนพระมหาไพรวัลย์นั่น ได้จบการศึกษานักธรรมและบาลี จนถึงชั้น เปรียญธรรม 9 ประโยค และตามมาด้วยการจบปริญญาโทถึง 2 ใบด้วยกัน ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในคณะพุทธศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในคณะนิติศาสตร์ นั่นเอง

สำหรับในอดีตของการเป็นพระนักเทศน์นั้น แพรรี่ ได้เป็นเจ้าของเพจ พระมหาไพรวัลย์ วรรณฺโณ ซึ่งเขาจะทำการไลฟ์สด คู่กันกับพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ในช่วงกลางคืนทุกคืน ซึ่งเรียกได้ว่าในช่วงกลางปีพ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา มีหลายๆคนเข้าร่วมให้ความสนใจในการไลฟ์สดเป็นจำนวนมาก โดยยอดชมที่มากที่สุดพุ่งสูงมากกว่า หนึ่งแสนคนเลยทีเดียว โดยทั้งสองท่านจะมี คำพูดเด็ด ๆ ที่นิยมใช้ในกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจนทำให้เป็นที่แพร่หลายและเป็นที่ติดปากกันมากมายหลายคำเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น นะน้องนะ , เอาอะไรมาไม่ได้ , กรุ๊บ , จึ้งมาก, อรุมเจ๊าะ , ต๊าช และอื่น ๆ อีกมากมาย หลังจากที่ได้มีการลาสิกขาไปแล้ว แพรรี่เองก็ได้มีการออกมาพูดถึงในเรื่องของวงการสงฆ์ อยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการตีแผ่ ความเป็นจริงของวงการสงฆ์ในประเทศไทยของเราในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ทำให้ตัวเธอเองได้มีปัญหาและประเด็นถกเถียง กับพระชาตรี เหมพนฺโธ เจ้าอาวาสของวัดพุทะวิหารอีกด้วย ซึ่งเป็นวัดเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก ในประเทศรัสเซีย ซึ่งได้มีการออกมาต่อว่าแพรรี่ถึงการที่เป็นผู้เนรคุณต่อวงการสงฆ์ และยังมีการด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จนทำให้ทนายธรรมราชนั่นได้มีการออกมาฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทใส่ความคณะสงฆ์ แต่ทางของเธอเองก็ไม่อยู่เฉยได้มีการฟ้องกลับ และไปให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส พร้อมกับนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาอย่าง นายจตุรงค์ จงอาษา ซึ่งแพรรี่เองได้พูดถึงเรื่องดำมืดที่เกิดขึ้นในวงการพระสงฆ์ของบ้านเรา ทำให้สุดท้ายฝ่ายทนายธรรมราชจึงต้องทำการออกมาชี้แจ้งว่าไม่สามารถเอาผิดเธอได้ เนื่องจากไม่ได้เข้าข่ายหมิ่นคณะสงฆ์เลยแม้แต่น้อย และหลังจากนั้น เธอก็เข้าสู่วงการ ในการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกากหมู ลิปสติก และอื่นๆ อีกมากมาย